พอลตีสิบ
พอลตีสิบผู้ถิ่นทำให้รู้ว่าหากขันแข็งผิดถิ่น 10 ปีก็มิรวย จากคนยากจน ใฝ่มั่นอดทด พยายามทำธุรกิจการค้าของตนจนกลายเป็นเศรษฐีใหม่ได้ในถิ่นสุด
จากความเป็นเสด็จถิ่นตกต่ำย่ำแย่มากในอดีต ทำให้ต้องมุมานะดิ้นรนโดยลงบัญชีว่าสมมตศึกษาหนังสือชีวิตในวันด้านหน้าต้องได้ดี พร้อมด้วยเริ่มต้นเรียนจากโรงเรียนวัด อย่างไรก็ตามไม่มีเงินเรียนจึงต้องอาศัยข้าวจากที่วัดฉัน จนครูควรเอ็นดูเจียดโภชนากลางวันที่เหลือมาให้กินจนจบประถม จากตรงนั้นก็ต่อด้วยเรียนโรงเรียนมัธยมในระแวกนั้นอีก ส่วนหลังจากถิ่นเรียนมัธยม พอลตีสิบ ก็มุมานะตั้งใจเป็นทำนองไม่เบาเพื่อที่จะสอบเอ็นทรานซ์ให้ติดในระดับมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตามท้ายถิ่นสุดจากนั้นก็ได้มามาเรียนที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง อย่างไรก็ตามเกี่ยวพันจากศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยควรมีค่าใช้จ่ายถิ่นมากขึ้น จนแม่มิมีเบี้ยส่งศึกษาจากนั้นก็ไปทำงานเสริมเป็นเด็กเสิร์ฟเบียร์เพื่อนำเงินที่ได้มาเรียนพร้อมด้วยทำแบบตรงนี้ตลอดระยะยุคสมัย 4 ปีจนเรียนจบปริญญาตรีในที่สุด จากตรงนั้นก็เริ่มถิ่นจะหางานทำโดยครั้งแรกได้มาเงินเดือนเสด็จที่ 6,000 บาทซึ่งมิเพียงพอเสด็จแล้วสำหรับการชดใช้ปากท้องในเมืองหลวงเทพจึ่งต้องขอทำโอทีเพิ่มจากนั้นก็ทำงานเสิร์ฟเบียร์ไปด้วย ชีวิตในตอนนั้นได้มานอนพักยืดหยุ่นแค่เพียงวันละมิหูกชั่วนาฬิกาพร้อมด้วยก็วนเสด็จอย่างตรงนั้นไปเรื่อยๆตลอดระยะเวลา 5 ปี
พอลตีสิบ
จนบรรลุถิ่นสุดๆก็ตัดสินใจที่จะไม่อยากมีปากท้องเสด็จต่อไปจากนั้น จึ่งได้มามุมานะที่จะฆ่าตัวตายอย่างไรก็ตามในท้ายสุดก็ไม่ประสบผล จึงหันมาเริ่มต้นใหม่กับปากท้องด้วยหลักถิ่นว่าหากอยากรวยควรคบคนมีเงินมีทองจากตรงนั้น พอลตีสิบ จึ่งได้มาพยายามศึกษาจากการอ่านหนังสือถิ่นแต่งโดยคนรวย จากนั้นจึงเกริ่นสุทธิจังพร้อมด้วยการทำธุรกิจแรกของตนซึ่งก็หมายความว่าการออกตัวกระเบื้องออนไลน์ และในที่สุดๆครั้นได้รู้จักการขายสินค้าในรูปถ่ายแบบขายตรงจึงได้มาหันมาทำตรงนั้นทำนองจริงจังกลับกลายเป็นนักธุรกิจการค้าออนไลน์แบบมากอวัยวะจนประสบกระแสความสำเร็จในถิ่นสุดจนรายการตีสิบของคุณวิทวัสนำเรื่องราวๆของเขาไปคลอดอากาสจนเป็นพอลตีสิบที่เราเข้าใจจักขวางในปัจุบันนี้นี่เอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น